ตามรอย ตะลุยเมืองจีน

ตามรอยนักศึกษาไทย แบกเป้ตะลุย "เมืองจีน"
บทความโดย Pondkung




ต้นเหตุของทริปนี้มีอยู่ว่า หลักสูตรที่ผมเรียนอยู่นี้ ในเมืองจีนนอกจากที่ที่ผมเรียนอยู่ตอนนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยพี่น้อง (ร่วมชะตากรรม) ที่มีหลักสูตรเดียวกันอีกสองที่ คือ มหาวิทยาลัยชิงหัวที่ปักกิ่งเมืองเก่า กับมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นที่เซี่ยงไฮ้ นักศึกษาของทั้ง 3 สถาบันวันดีคืนดีก็จะไปเยี่ยมบ้านเคาะประตูทักทายเสมอๆ ฤกษ์งามยามดีเหล่านักศึกษาก็คลอดโปรแกรมไปเยี่ยมเยียนสหาย (ร่วมตาย) ที่มหาวิทยาลัยชิงหัวปักกิ่ง กระผมทราบข่าวก็ไม่รอช้าร่วมด้วยช่วยกันทุบกระปุกไปด้วยเสียเลย

คุณๆ อาจจะถามว่า "อะไรกัน ปักกิ่งอีกแล้ว เที่ยวจนไม่รู้จะเที่ยวซอกไหนอีก ยัังจะมาเม้าท์ให้ฟังอีก" เย็นไว้ก่อนท่านๆ ทริปของผมเนี่ยนาน 14 วัน (จากเดิมแค่ 5 วัน แต่พวกผมแถเที่ยวเพิ่มเองอีกเท่าตัว) เริ่มแบกกระเป๋ากันจากมณฑลซานซีไปปักกิ่ง เยี่ยมสหายที่ชิงหัว (ซะนิดนึง) แล้วไปต่อโลด...มณฑลเฮยหลงเจียง มณฑลจี๋หลิน จนไปสุดที่เยียนเปียน เขตปกครองตนเองชนชาติเกาหลีเหนือ ดังนั้นทริปนี้ไม่มีแพกเกจทัวร์ บริษัททัวร์ไม่ทำเพราะทำแล้วเจ๊ง ที่ช้อปไม่มี โรงแรมไฮโซก็ไม่มี ยิ่งห้องน้ำชักโครกสวยหรูยิ่งไม่ต้องหา...เหอเหอ แต่ใครที่ชื่นชอบรสชาติของการท่องเที่ยวแบบลุยๆ แล้วละก็ สะพายกระเป๋าแล้วไปด้วยกันเลย


Day 1: กวางเจา-ไท่หยวน-ผิงเหยา

โชคดีตั้งแต่วันแรกเลย ได้อานิสงค์จากเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนด้วยกัน มันทำงานอยู่กับสายการบินจีน จึงได้ตั๋วถูกมาก พระเจ้าช่วย! ตั๋วราคา 10% เอง ทำให้ตั๋วเครื่องบินจากกวางเจาไปไท่หยวน (เมืองเอกมณฑลซานซี) ที่บิน 2 ชั่วโมงกว่าๆ เหลือแค่ 380 หยวนเอง ถูกกว่านั่งรถไฟไปอีก (นั่งรถไฟต้องนั่ง 30 ชั่วโมง ถึงคงต้องหามศพลง)

มณฑลซานซีเป็นมณฑลที่ยากจน ตั้งอยู่บนแนวเทือกเขา อยู่ทิศตะวันตกติดกับปักกิ่ง อากาศหนาวเย็นและแห้งมาก วันแรกที่ถึงก็ประเดิมเลยที่ลบ 12 องศา หัวหูหนาวไปหมด ถนนหนทางที่นี่สกปรก มีแต่คราบสีดำๆ ไอ้เจ้าคราบพวกนี้จริงๆ แล้วเป็นถ่านหิน มณฑลซานซีใต้ดินมีถ่านหินอุดมสมบูรณ์มาก ซ้ำมีคุณภาพที่ดี ผู้คนจึงขุดขึ้นมาเป็นล่ำเป็นสัน มีเศรษฐีใหม่ที่ร่ำรวยจากการขุดถ่านหินมากมาย ที่ไท่หยวนนี่สร้างรถไฟใต้ดินไม่ได้หรอกนะ เพราะขุดปุ๊บเมืองจะถล่มปั๊บ เพราะใต้เมืองน่ะถูกขุดจนกลวงโบ๋หมดแล้ว

ที่เที่ยวที่แรกที่จะไปกัน คือ บ้านของตระกูลเฉียว บ้านหลังนี้ผู้กำกับชื่อดัง จางอวี้โหมว ใช้เป็นฉากของภาพยนตร์เรื่อง Red Lantern ที่มีนักแสดงสุดสวย คือ กงลี่ (สมัยที่ยังเลิฟกัน) สร้างในรัชสมัยพระเจ้าเฉียนหลง ตระกูลเฉียวเจ้าของบ้านเป็นตระกูลที่รวยมาก เริ่มทำธุรกิจจากการทำเชือกผูกรองเท้า ต่อมาจับพลัดจับผลูมาเป็นพ่อค้าผูกขาดบริเวณเมืองเปาโถว มองโกเลียใน เลยรวยอู้ฟู่ไปเลย ภายในบ้านมีบริเวณกว้างขวางมาก มีเนื้อที่ 9,000 ตารางเมตร ลักษณะภายในบ้านเป็นทรงสี่เหลี่ยม ตรงกลางเป็นลานโล่ง ในบ้านมี 313 ห้องนอน 6 สวนใหญ่และ 19 สวนย่อย ใหญ่โตมโหฬาร การตกแต่งภายในค่อนข้างเรียบง่ายแต่ดูหนักแน่นดี

ที่ต่อไปที่เราจะไปกัน คือ บ้านตระกูลหวัง ใครว่าตระกูลเฉียวรวย บ้านใหญ่แล้ว มาดูบ้านตระกูลหวังแล้วจะอึ้ง เพราะตระกูลหวังรวยมากๆๆๆ และบ้านใหญ่สุดๆ เริ่มสร้างเมื่อ 300 กว่าปีก่อน โดยตระกูลหวังรวยติดท๊อปเทนในตอนนั้น

ภายในบ้านตระกูลหวังใหญ่มากๆ เทียบเป็นหมู่บ้านๆ หนึ่งเลยก็ว่าได้ มีพื้นที่ถึง 150,000 ตารางเมตร มีสวนทั้งหมด 231 สวนกับอีก 2,078 ห้องนอน มีตั้งแต่วัดเล็กๆ หอยามสังเกตการณ์ จนไปถึงโรงเรียนส่วนตัว ล้อมรอบด้วยกำแพงที่สูงถึง 5 เมตร โดยบ้านตระกูลเฉียวและตระกูลหวังนี้ใหญ่โตมโหฬารทั้งคู่ แต่ทำไม๊...ทำไม บันไดบ้านน่ะสร้างซะเล็กจิ๊ดเดียว เดินเข้าออกจะหกคะมำหน้าทิ่มอยู่หลายครั้งแล้ว แถมข้างในไม่มีห้องน้ำนะขอรับ เิดินไปเดินมาเกิดปวดก็ต้องทน พร้อมกับจับทิศทางคลำหาทางออกกันเอาเอง เดินชมจนทั่วบอกได้คำเดียวว่า ตะลึง

ตะวันเริ่มจะตกดินแล้ว ท้องก็หิวจ๊อกๆ แต่ต้องนั่งรถไปอีกชั่วโมงกว่าๆ ไปนอนอีกเมืองนึงนู่น เป็นเมืองเก่า (ผีจะหลอกไหมนี่) ชื่อเมืองผิงเหยา ยูเนสโกยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกด้วยนะ ในฐานะเมืองเก่าโบราณที่เก็บรักษาไว้ในสภาพที่ดีมากและยังมีผู้คนอาศัยอยู่ สุดท้ายก็ถึงซะทีผิงเหยา เดินลงมาจากรถตัวสั่นผั่บๆ เป็นลูกนก เข้าที่พักก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หม่ำ อาบน้ำและนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนหลับไม่ลืมสวดมนต์ไหว้พระ ก็กลัวผีหนิ วันนี้แค่นี้ก่อนแล้วมาต่อกันคราวหน้า

ข้อมูลน่ารู้
  • ไท่หยวน เป็นเมืองเอกของมณฑลซานซี มีประชากรประมาณ 3,400,000 คน (2004) ปัจจุบันไท่หยวน เป็นเมืองอุตสาหกรรมหนักที่สำคัญของประเทศจีน โดยครึ่งหนึ่งของการผลิตถ่านหินทั้งประเทศมาจากที่นี้
  • อาหารจานเด่น คือ บะหมี่ซานซี ซึ่งนำมาทำเป็นจานเด็ดหลายประเภท และแนะนำให้ไปลองไส้กรอกหยางจิ (Yangji) ราคา 1 หยวน ที่ถนนอาหาร (Taiyuan Food Street) ในตัวเมือง
  • วัดจินชิ (Jinci Temple) ซึ่งมีอายุเกือบ 3,000 ปี ห่างจากตัวเมืองไท่หยวนประมาณ 25 กิโลเมตร ค่าเข้าชม 40 หยวน เวลาเข้าชม 07.30 - 18.30 ใช้เวลาเดินชมประมาณ 2 ชั่วโมง
0 Responses

แสดงความคิดเห็น