จากเทศกาลน้ำแข็งสู่เแดนเกาหลีเหนือ

จาก เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน
สู่ เขตแดนเกาหลีเหนือ
บทความโดย Pondkung





ถามว่าอากาศหนาวขนาดนั้นผู้คนเขาจะอยู่ได้ยังไง ออกไปข้างนอกไม่หนาวตายเหรอ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรมากมาย บ้านในแถบเหนือสร้างไว้หนา หน้าต่่างติดกระจก 2 ชั้นกันหนาวสุดๆ แถมภายในมีฮีตเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสุดๆ ประมาณว่าเข้ามาข้างในแล้วสักประเดี๋ยวก็ลอกคราบออกเป็นชั้นๆ ทีเดียว เพื่อนคนจีนเล่าให้ฟังว่า่ ในสมัยก่อนเมื่อเข้าฤดูหนาวแต่ละบ้านจะทานผักผลไม้ที่ถนอมไว้ เน้นทานเนื้อสัตว์มากหน่อย ส่วนผักสดแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะตะกุยลงไปไม่ถึงพื้นดินข้างล่าง แต่สมัยนี้การคมนาคมดี ผักผลไม้สามารถส่งขึ้นมาได้จากทางใต้ ทำให้มีผักผลไม้สดทานตลอด มีอยู่มื้อนึงสั่งผักกาดขาวมาทาน ผักมันก็สมชื่อ ขาวจนไม่มีสีเขียว กินไปบ่นไปจนเพื่อนรำคาญบอกมีให้กินก็ดีแล้ว แป๋ว... เป็นซะงั้น

กลับมาการเดินทางของเรากันต่อ หลังจากคืนที่หลับเหมือนตาย ตื่นเช้ามาจะดื่มน้ำ น้ำในขวดกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว แย่! ดันลืมวางไว้ข้างหน้าต่างซะได้ ถามเคาน์เตอร์ด้านหน้าเขาบอกว่าเมื่อคืนอุณหภูมิต่ำสุดลบ 28 องศา ไม่อยากจะคิดเลยถ้าหากต้องนอนข้างนอก จำได้เพื่อนบอกว่าสมัยก่อนไม่มีตู้เย็นหรอก โยนเนื้อมันไปข้างนอกแหละ เดี๋ยวก็กลายเป็นน้ำแข็งกินได้หลายเดือน เหอเหอ เตรียมตัวเสร็จได้เวลาออกเดินทางไปจี๋หลินแล้ว จี๋หลินเป็นทั้งชื่อเมืองและมณฑลหนึ่งในสามมณฑลภาคอีสานของจีน ในอดีตเคยเป็นรัฐหุ่นเชิดที่ญี่ปุ่นจัดตั้งขึ้นมา ภายหลังเจริญรุ่งเรืองด้วยอุตสาหกรรมเครื่องหนังตามนโยบายฟื้นภาคอีสา่นของรัฐบาลกลาง ด้วยอาณาเขตที่ติดต่อกับเกาหลีเหนือทำให้ประชากรจำนวนมากมีเชื้อสายเกาหลี วัฒนธรรมก็มีความหลากหลายเช่นกัน

ระยะทางจากฮาร์บินไปเมืองจี๋หลินใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง รถราที่วิ่งไปมาส่วนใหญ่้เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ทั้งนั้น เมืองจี๋หลินในแง่ของการท่องเที่ยวมีชื่อเสียงในเรื่องทัศนียภาพของน้ำแข็งที่มาจับตามกิ่งต้นไม้ซึ่งสวยงามมาก

ปรากฏการณ์นี้เกิดจากน้ำร้อนที่ปล่อยมาจากโรงงานผลิตไฟฟ้ามากระทบกับอากาศที่หนาวจัด ทำให้ไอน้ำระเหยมาจับกับต้นไม้ริมตลิ่ง ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้มีตลอด ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่เหมาะสม มิ้อเย็นวันนั้นฉลองด้วยอาหารเกาหลีมื้อใหญ่ ข้าวยำ หมี่เย็น หมูย่างและที่ขาดไม่ได้ กิมจินั่นเอง ปริมาณ 5 คนกินอิ่มแต่มีกันแค่ 2 คน อิ่มแทบลุกไม่ขึ้นหลังจากจ่ายค่าเสียหายไปไม่ถึง 500 บาท ถูกมากๆๆ



เราไม่ได้อ้อยอิ่งในจี๋หลินนานนัก เพราะยังมีไฮไลท์ที่สำคัญของทริปนี้รออยู่ นั่นคือ ภูเขาชื่อดัง
ฉางไป๋ซาน
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เพ็กตูซาน ในภาษาเกาหลี โดยตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนจีนและเกาหลีเหนือ มีความสูง 2,774 เมตร มีคำบอกเล่าจากชาวเกาหลีเหนือว่า ประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของเขา คิมอิลซุง เกิดจากที่นี่ ภูเขาฉางไป๋ซานจึงมีความสำคัญต่อคนเกาหลีเหนือเป็นอย่างยิ่ง ภูเขาฉางไป๋ซานเป็นภูเขาไฟที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่บนยอด ลึกถึง 800 กว่าเมตร แถมยังมีเรื่องเล่าเป็นตำนานของสัตว์ประหลาด คล้ายของที่ล็อคเนสประเทศสก๊อตแลนด์อาศัยอยู่อีก ยิ่งทำให้เพิ่มความขลังของภูเขาแห่งนี้

ภูเขาฉางไป๋ซานสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู นักท่องเที่ยวส่วนมากเดินทางมาในฤดูร้อนซึ่งการคมนาคมจะสะดวกกว่ามาก วิวทิวทัศน์จะเป็นสีเขียวสด หากมาในฤดูหนาวการคมนาคมก็จะมีปัญหาขลุกขลักบ้าง ถ้าหิมะตกหนาก็ต้องรอเคลียร์ทาง แถมถนนหนทางยังลื่น นักท่องเที่ยวจึงมาน้อยในช่วงนี้ โรงแรมที่พักในแถบนี้ต้อนรับด้วยราคาลดกระหน่ำวินเทอร์เซล ห้องกว้างแบบนอนได้ 10 คนในราคาแค่ 500 บาท

ต้องออกตัวบอกก่อนเลย ว่าการมาเที่ยวภูเขาฉางไป๋ซานไม่ได้ถูก ทั้งค่าเดินทาง ค่าเข้าชมสถานที่และค่าจิปาถะอื่นอาจเหยียบหลักหมื่นได้ เมื่อเข้ามาในภูเขาฉางไป๋ซานแล้ว ต้องใช้บริการ (ผูกขาด) ของทางอุทยาน วิ่งรอบสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ คือ สถานีรถขึ้นยอดเขา น้ำตกฉางไป๋ซาน ป่าใต้ดินและบ่อน้ำร้อน ผู้เขียนเลือกไปสถานียอดเขาก่อน เพื่อไปเปลี่ยนเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ รถขับได้ช้ามากเพราะถนนแคบและคดเคี้ยว ลัดเลาะตัดป่าสน เมื่อขับสูงขึ้นไป ทิวทัศน์สองข้างทางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากป่าสนกลายเป็นป่าต้นไม้พุ่ม จนกลายเป็นแบบทุนดรา ไร้ต้นไม้โดยสิ้นเชิง (ไม่ได้พูดเอง หนังสือบอกมาจริงๆ) วิ่งมาสักครึ่งชั่วโมงก็ถึงยอดเขา



แค่พอก้าวขาออกจากรถปุ๊บ ลมเยือกแข็งก็ตีเข้าแสกหน้าปั๊บ ลมแรงดีไม่มีตก พับผ่าสิ! แทบก้าวขาไม่ออก ตาเหลือบไปมองเทอร์โมมิเตอร์ในรถ โอ้พระเจ้า! ลบ 30 องศา ออกจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยเจอหนาวแบบนี้ ต้องใช้ผ้าพันคอพันปิดปาก ใส่ฮู้ดและสวมถุงมือ 2 ชั้นยังเอาไ่ม่อยู่ แล้วเดินด้วยความเร็วมด ไปดูทะเลสาบชื่อเก๋ว่า ทะเลสาบสวรรค์ ทะเลสาบนี้ตั้งอยู่บนยอดภูเขาฉางไป๋ซาน ดินแดนจีนราวสองในสามและของเกาหลีเหนืออีกหนึ่งในสาม ดังนั้น การเดินออกนอกเส้นทางที่ทำเครื่องหมายไว้จึงอันตรายมาก (ถ้าท่านไม่อยากถูกยิงไส้แตกหรือถูกจับไปฝั่งนู้น)

เชื่อไหม ว่าอยู่ข้างนอกได้ไม่เกิน 20 นาทีตัวเกือบเป็นน้ำแข็ง ต้องรีบจ้ำอ้าวไปเอาไออุ่นฮีตเตอร์ร้านขายของ แต่ขอโทษ ไม่ซื้อหรอกนะ งกอ่ะ ลงมาจากเขาก็มืดแล้วเพราะที่นี่หน้าหนาวมืดเร็วมาก เข้าโรงแรมเปิดฮีตเตอร์สุดแรงเกิด แล้วหลับไปเลยด้วยความไวแสง พรุ่งนี้ต้องนั่งเครื่องกลับกวางเจาแล้วสินะ คิดถึงข้าวปลาอาหารของทางใต้หลายๆ

วันต่อมารีบไปสนามบินแต่หัววัน สังเกตเห็นป้ายสองข้างทางเขียนทั้งภาษาจีนและภาษาเกาหลี คนขับรถบอกว่าในเหยียนเปียน เขตปกครองตนเองชนชาติเกาหลีเหนือ มีประชากรเกาหลีอาศัยอยู่มากราวครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ส่วนมากไปขุดทองทำงานในเกาหลีใต้ พอได้เงินก็กลับมาใช้ในเหยียนเปียน ทำให้เกิดเงินเฟ้อ ค่าครองชีพไม่แพ้เมืองใหญ่เลยทีเดียว

และแล้วแท็กซี่ก็มาส่งเราถึงสนามบิน คงต้องถึงเวลาอำลาและจบทริปนี้เสียที ต้องขอตัวไปหยอดกระปุกสะสมงบเที่ยวงวดหน้า
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> ลักษณะโปรแกรมกรุ๊ปทัวร์ที่เดินทางออกจากประเทศไทย จะเป็นประมาณนี้ เซี่ยงไฮ้-ฮาร์บิ้น-ฉางชุน-จี๋หลิน-เสิ่นหยาง แบบ 6 วัน 5 คืน ราคาประมาณ 39,000 - 45,000 บาท
0 Responses

แสดงความคิดเห็น