ชวนไปติดลบ กับเทศกาลน้ำแข็งแกะสลักที่ฮาร์บิน

ชวนไปติดลบกับ...
เทศกาลน้ำแข็งแกะสลักที่ฮาร์บิน
บทความโดย Pondkung


ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงในการมาเที่ยวประเทศจีน ก็คือช่วงตรุษจีน เพราะเหมือนกับคนไทยที่จะพากันกลับไปเยี่ยมบ้านกันในช่วงนี้ แต่จำนวนประชากรที่จีนเยอะกว่ามากๆๆๆ...

ทำให้การเดินทางในช่วงนี้ลำบากและแพงมาก แม้ว่าจะจองล่วงหน้าเป็นเดือน ก็ไม่สามารถซื้อตั๋วรถไฟจากปักกิ่งไปฮาร์บินได้ ส่วนตั๋วเครื่องบินก็ราคาพุ่งปรี๊ดไปเป็นหลักหมื่นบาท เลยต้องใช้กำลังภายในให้เพื่อนของเพื่อนที่อยู่ปักกิ่งไปซื้อตั๋วรถไฟจากนายหน้าขายตั๋ว เสียค่าจองไปอีกร้อยกว่าหยวน เป็นอุทาหรณ์ให้กับพวกที่ชอบเดินทางในช่วงตรุษจีน

มาต่อที่การเดินทางของเรากัน อยู่ปักกิ่งได้สองวันก็ได้เวลาลุยฮาร์บินกันแล้ว ตั๋วรถไฟที่จองไว้เป็นขบวนรถด่วน ใช้เวลาเพียง 8 ชั่วโมงกับระยะทางเกือบพันเจ็ดร้อยกิโลเมตร รถไฟขบวนนี้จอดแค่ 2 ป้าย คือ เสิ่นหยางและฉางชุน หลังจากฝ่าฟันกับคลื่นมหาชนที่สถานีรถไฟปักกิ่งและนั่งจับเจ่าบนรถไฟอีกครึ่งวัน เราก็มาถึงเมืองฮาร์บิน ศูนย์กลางของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน


เกริ่นคร่าวๆ เกี่ยวกับเมืองให้ฟังกันสักหน่อย เมืองฮาร์บินเริ่มสร้างมาเพียงแค่ร้อยกว่าปีเท่านั้น เดิมเป็นแคมป์ของวิศวกรรัสเซียที่สร้างทางรถไฟสายทรานไซบีเรีย ภายหลังเมืองเจริญด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก จนภายหลังกลายมาเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรเกินสิบล้านคน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนฮาร์บินมักจะมาในช่วงหน้าหนาว หน้าหนาวของที่นี่ไม่มีหรอกจิ๊บๆ ลบสี่ลบห้าองศา ที่นี่มีแต่ลบยี่สิบทะลุไปถึงเกือบลบสี่สิบก็มี คนไม่น้อยมาวัดความกล้ากับความหนาวของที่นี่

ฮาร์บินต้อนรับเราด้วยอากาศที่แจ่มใสกับแสงแดดจ้า แถมอุณหภูมิที่ติดลบสิบเจ็ดองศา (ฟังคนจีนข้างๆ เม้าท์กันว่าวันนี้อากาศอุ๊นอุ่น...เอากะเขาสิ) แค่นี้กะเหรี่ยงมีแซ่แห่งเมืองสยามบ่ยั่นอยู่แล้ว สวมทับเสื้อขนเป็ดแล้วลุยเลยดีกว่า

เริ่มกันที่ถนนจงยังต้าเจีย ถนนเส้นนี้ปูด้วยหิน สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ไม่ว่าจะเป็นบาร็อค ไบเซนไทน์หรือยิว ที่ดัดแปลงมาทำเป็นห้างร้านต่างๆ น่าเ้ข้า ชวนเสียตังค์นักแล บรรยากาศเมืองดูเผินๆ จะเหมือนเดินอยู่ในยุโรปเป็นอย่างมากถ้าไม่มีตัวอักษรจีนและอาแปะอาซิ้มเดินกันให้ควั่ก ที่นี่เขาไอเดียเก๋เอาน้ำแข็งมาวางตามทางเดินเป็นรูปต่างๆ เป็นบาร์นั่งได้ก็มีนะ

สถานที่เที่ยวภาคบังคับอีกที่ที่อยู่ใกล้กัน คือ โบสถ์เซนต์โซเฟีย ที่นี่งดงามอลังการด้วยสถาปัตยกรรมแบบคริสต์ นิกายออทอดอกซ์แบบรัสเซีย สังเกตง่ายๆ จากโดมทรงรูปหัวหอม ตอนนี้ไม่ได้ใช้เป็นโบสถ์แล้ว แต่ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการรูปถ่ายเก่าๆ ที่ทรงคุณค่า

โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนชอบอาหารตงเป่ย (อีสานของจีน) เป็นอย่างมาก เลยถือโอกาสประเดิมอาหารตงเป่ยขนานแท้ในแดนต้นตำรับดีกว่า อาหารตงเป่ยขึ้นชื่อมากในเกี๊ยว บางคนอาจบอกว่าอะไรเกี๊ยวของพื้นๆ แต่ขอโทษ ของพื้นๆ นี่หาทานอร่อยยากนะ เกี๊ยวตงเป่ยแป้งจะบาง ไส้มาก ข้างในมีน้ำซุปขลุกขลิก เสี่ยวหลงเปาที่ว่าดังๆ เหรอกระเด็นชิดซ้ายหมด และอีกอย่างเป็นหมูทอดบางๆ กรอบๆ ราดด้วยน้ำซอสเปรี้ยวหวาน ถ้าได้แกล้มเบียร์ฮาร์บินละเด็ดสุดยอด (เด็กๆ ไม่ควรเอาเป็นตัวอย่าง) นี่ขนาดพิมพ์ไป คนเขียนชักน้ำลายสอ



ไฮไลท์ของทริปนี้และของฮาร์บินเรากำลังจะไปเยือนกัน คือ สถานที่จัดแสดงประติมากรรมแกะสลักจากน้ำแข็ง จะให้สวยต้องไปดูตอนกลางคืน (ให้มันหนาวกันเข้าไปอีก) เทศกาลนี้มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง น้ำแข็งที่นี่จะถูกแกะสลักขึ้นเป็นรูปทรงต่างๆ จนไปถึงสิ่งปลูกสร้างใหญ่ๆ เช่น พีรามิดหรือกำแพงเมืองจีน ประดับไฟสีต่างๆ สวยงามมาก นอกจากจีนแล้วยังมีประเทศอื่นๆ ส่งตัวแทนมาสร้างผลงานแสดงเช่นกัน

ยิ่งมืดอากาศก็ยิ่งหนาว ปรอทวัดได้ลบยี่สิบห้า (โอ้ แม่เจ้า) ความหนาวเริ่มทำพิษ อยู่ดีๆ กล้องดิจิตอลเกิดเดี้ยงขึ้นมาเฉยๆ ถ่ายไม่ได้ บอกถ่านหมดซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพิ่งชาร์จเต็มมา ผู้สันทัดกรณีให้คำแนะนำมาก่อนหน้านี้ว่า ถ้ากล้องเกิดอาการแบบนี้ให้แก้ไขโดยการให้ความอบอุ่นกับกล้อง (จริงๆ) เลยตัดสินใจเอากล้องมาซุกในเสื้อ พออุ่นขึ้นหน่อยถ่ายได้ไม่กี่รูปก็หมดสภาพเหมือนเดิมอีก กว่าจะยักแย่ยักยันเดินถ่ายครบรอบ เล่นเอาซะเหนื่อย

แต่ก็คุ้มเพราะสวยจริงๆ ไฟที่เพิ่มทำให้น้ำแข็งดูตระการตามากๆ สรุปว่าเดินดูจนเกือบเที่ยงคืน กลับถึงโรงแรมหลับเป็นตาย


Recommended
  • ช่วงเวลาที่ควรไป จะอยู่ที่ปลายเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ลบ 15 - ลบ 35 องศา
  • ควรจะไปดูช่วงเย็น ประมาณ 17.00 น. เป็นต้นไป เพราะจะได้ดูการประดับไฟด้วย
  • อาหารแนะนำให้ลอง ก็คืออาหารพื้นเมือง พวกเนื้อแพะผัดและอาหารรัสเซีย
  • ส่วนที่พัก ก็มีโรงแรม Hua Yi Hotel ระดับ 4 ดาว และโรงแรม Shiyou Hotel
0 Responses

แสดงความคิดเห็น